ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอาเซียน
ประเทศสมาชิก
อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510
มีประเทศสมาชิกรวม 10 ประเทศ แบ่งเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม
6 ประเทศ คือ บรูไน
ดารุสซาลาม อินโดนีเชีย มาเลเชีย ฟิลิปปินส์
สิงค์โปร์
และไทย และ ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ
คือ กัมพูชา ลาว พม่า
และเวียดนาม หรือเรียกสั้นๆว่า กลุ่ม
CLMV (Cambodia, Lao, Myanmar,
Vietnam)
ตราสัญลักษณ์อาเซียน
สัญลักษณ์อาเซียน คือ ต้นข้าวสีเหลือง 10 ต้นมัดรวมกันไว้
หมายถึงประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพ
และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ และเสถียรภาพ
สีแดง
หมายถึง ความกล้าหาญ และการมีพลวัติ
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat)
:ตั้งอยู่ที่่ กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนิเซีย
เลขาธิการ :
ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ
: เริ่มดำรงตำเเหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2551
ปฏิญญากรุงเทพ 8 สิงหาคม
พ.ศ. 2510
กฎบัตรอาเซียน 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ภาษาราชการ ภาษาอังกฤษ
อาเซียนเปิดตัวตราสัญลักษณ์การเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40
ปี แห่งการก่อตั้งอาเซียนในระดับภูมิภาค 19 กุมภาพันธ์ 2550
ธงอาเซียน
ธงอาเซียน คือ สิ่งที่แสดงถึงความมั่นคง สันติภาพ
ความเป็นเอกภาพ
และพลวัติของอาเซียน และเป็นที่มาของสี 4 สีที่ปรากฏอยู่บนธงซึ่ง
ไม่มีเพียง แต่จะรวบรวมจากสีของธงประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมด
แต่สีน้ำเงิน ยังหมายถึง สันติภาพและเสถียรภาพ สีแดงคือความกล้าหาญ
และการมีพลวัติ สีขาวคือความบริสุทธิ์และ สีเหลืองหมายถึงความเจริญ
รุ่งเรือง
สิ่งที่ปรากฏอยู่กลางธงอาเซียนคือสัญลักษณ์ของอาเซียน ได้แก่
รวงข้าวสีเหลือง 10 ต้น เป็นตัวแทนของประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ
ที่ร่วมก่อตั้งอาเซียนเคยวาดฝันไว้ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศนี้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีมิตรภาพ
และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขณะที่วงกลมที่อยู่รอบรวงข้าวนั้น
แสดงถึงความเป็นเอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียวและ ความสมานฉันท์
ของอาเซียน
คำขวัญของอาเซียน
"One Vision, One Identity, One Community"
" หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม "
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาเซียน (ASEAN)
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรืออาเซียน (Association of Southeast Asian Nations ASEAN) คือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
ได้ร่วมลงนามในเอกสารก่อตั้งอาเซียน ที่เรียกว่า ปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok
Declaration) ปี พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) ที่กรุงเทพฯ
และยังคงมีบทบาทในอาเซียนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม เพื่อสร้างสรรค์ให้ภูมิภาคนี้เป็นดินแดนที่มีความมั่นคง สงบสุข
ก้าวหน้าและพัฒนาตลอดไป
ด้านการเมือง
นอกจากไทยจะมีบทบาทนำในการอาศัยกรอบความร่วมมืออาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคและธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความสงบสุขของภูมิภาคแล้วในปัจจุบันไทยยังได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น
ๆ
ในการพยายามส่งเสริมและปรับปรุงทบทวนกลไกความร่วมมือของอาเซียนให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
เพื่อปรับแนวทางการดำเนินนโยบายของตนให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก
ไทยได้มีบทบาทในกิจกรรมความร่วมมือด้านการเมืองที่สำคัญของอาเซียนตลอดมา
ได้แก่ การแก้ไขปัญหากัมพูชาและการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคอินโดจีน
การประกาศให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง
(Zone of
Peace, Freedom and Neutrality) ในปี พ.ศ. 2514
การผลักดันให้มีการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of
Amity and Cooperation) ในปี พ.ศ. 2519
การเป็นผู้ริเริ่มสำคัญในการจัดให้มีการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
(ASEAN
Regional Forum ARF) และการลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(Southeast
Asia Nuclear Weapons Free Zone SEANWFZ) ซึ่งดำเนินการในระหว่างการประชุมผู้นำรัฐบาลอาเซียน
ครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2538
นอกจากนี้
ไทยก็ยังมีบทบาทนำในการผลักดันมติของที่ประชุมสุดยอดอาเซียนดังกล่าว
ให้เร่งดำเนินการขยายสมาชิกภาพอาเซียนให้ครอบคลุมทั้ง 10 ประเทศ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในที่สุดได้นำไปสู่มติของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
สมัยพิเศษ ณ กรุงจาร์กาตา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2540
ให้รับกัมพูชา ลาว และพม่า เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนพร้อมกัน
ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) สมัยที่
30 ณ กรุงจาร์กาตา ในวันที่ 3 เดือนกรกฎาคม 2543
แต่เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศกัมพูชา
ที่ประชุมฯ จึงมีมติให้ระงับการเข้าเป็นสมาชิกของกัมพูชาไว้ชั่วคราวก่อน
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ปัญหาดังกล่าวได้ยุติลงอาเซียนได้รับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกประเทศที่
10 โดยจัดพิธีรับขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ด้านเศรษฐกิจ
ไทยมีบทบาทนำอย่างสม่ำเสมอในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน
เพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่งและความสงบสุขของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในการประชุมครั้งสำคัญต่าง ๆ ของอาเซียน ไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมลงนามในความตกลงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจหลายฉบับ
ซึ่งสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวมและของไทยเอง อาทิ
ปฏิญญาสมานฉันท์แห่งอาเซียน (Declaration of ASEAN Concord) ปี
พ.ศ. 2519 ซึ่งช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างสมาชิกอาเซียนและส่งเสริมอุตสาหกรรมการลงทุนหรือสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิพิเศษทางการค้าของอาเซียน
(Preferential
Trading Arrangement PTA) ในปี พ.ศ. 2520
ซึ่งให้สิทธิพิเศษทางการค้าด้วยการลดหย่อนอัตราภาษีศุลกากร
นอกจากนี้
ในการประชุมผู้นำรัฐบาลอาเซียน ครั้งที่ 4 ณ สิงคโปร์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 อาเซียนเห็นชอบกับแนวคิดของนายอานันท์
ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น
ซึ่งเสนอให้มีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area AFTA) ขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในฐานะที่เป็นฐานการผลิตสำคัญในการป้อนสินค้าสู่ตลาดโลก
นับเป็นพัฒนาการของความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนที่สำคัญ
ซึ่งนำไปสู่การจัดทำความตกลงแม่บทว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน
พ.ศ. 2535 (Framework Agreement on Enhancing ASEAN Economic Cooperation 1992)
โดยตกลงในหลักการเพื่อลดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรแปรรูปที่ค้าขายระหว่างกัน
ให้มีอัตราภาษีต่ำสุดภายในระยะเวลา 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2536
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว
ต่อมาที่ประชุมผู้นำรัฐบาลอาเซียน ครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ
มีมติให้เร่งกำหนดเวลาการลดอัตราภาษีศุลกากรขั้นต่ำสุดดังกล่าวให้เร็วขึ้นเป็นภายใน
10 ปี กล่าวคือ พยายามลดภาษีสุดท้ายให้เหลือร้อยละ 0-5 % ภายในปี 2546
ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนทีพยายามดำเนินการตามพันธกรณีของ AFTA อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ก็ยังได้มีมติและเอกสารสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียนในหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในการประชุมผู้นำรัฐบาลอาเซียน
ครั้งที่ 5 ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) อาทิ
การเห็นชอบให้จัดทำโครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของอาเซียน (ASEAN
Industrial Cooperation (AICO) Scheme) ขึ้น
เพื่อส่งเสริมความร่วมมืออาเซียนในด้านอุตสาหกรรม
การลงนามในพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการพลังงานของอาเซียน
โดยรัฐมนตรีต่างประเทศและเศรษฐกิจของอาเซียน
การลงนามในกรอบความตกลงแม่บทว่าด้วยการบริการของอาเซียนและกรอบความตกลงแม่บทว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาของอาเซียน
เป็นต้น
ต่อมาในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำรัฐบาลอาเซียน
ครั้งที่ 1 ณ กรุงจาร์กาตา เมื่อปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ.
1996) ไทยก็ได้มีส่วนผลักดันมติสำคัญต่าง ๆ ในเรื่องเศรษฐกิจ ได้แก่
การจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียน (ASEAN Vision) ให้ครอบคลุมความร่วมมือด้านการเมืองและสังคมของอาเซียน
การเร่งรัดการจัดทำความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านแดน
ซึ่งต่อมาในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 6 เมื่อเดือนธันวาคม 2541 ที่กรุงฮานอย
ได้มีการลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN
Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit) และปัจจุบันไทยยังเป็นประธานคณะทำงานด้านการอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งอาเซียน
นอกจากนี้
ไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงในส่วนของโครงสร้างขั้นพื้นฐานในระดับภูมิภาค
อนุภูมิภาค และการพัฒนาระบบการคมนาคม ตลอดจนระดมเงินทุนจากประเทศภายนอกภูมิภาค
องค์การระหว่างประเทศและภาคเอกชน
นอกจากไทยจะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ต่อมติและความตกลงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ
ของอาเซียนแล้ว การที่ไทยสนับสนุน ดร. สุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง บุคคลสัญชาติไทย
ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่อง AFTA เข้าดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการอาเซียน
ตั้งแต่ 1 มิ.ย. พ.ศ. 2510 31 พ.ศ. 2542
ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน
ก็ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการมีบทบาทอย่างแข็งขันของไทยต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนในระดับหนึ่งด้วย
ด้านสังคม ไทยมีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความร่วมมือและประสานความสัมพันธ์อันดีที่มีอยู่ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
โดยเน้นความร่วมมือในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้รับการศึกษา
การอบรม มีสุขภาพสมบูรณ์และมีฐานะที่มั่นคง เพื่อให้ประชาชนชาวอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
ซึ่งความร่วมมือด้านสังคมของอาเซียนประกอบด้วย การพัฒนาสังคม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรมและสนเทศ สิ่งแวดล้อม และยาเสพติด
ไทยได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อพัฒนาการความร่วมมือด้านนี้ของอาเซียน
โดยได้ผลักดันโครงการที่สำคัญหลายโครงการ อาทิ
การริเริ่มจัดตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN University Network) เพื่อประโยชน์ในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาและการดำเนินกิจกรรมด้านการศึกษาระดับสูง
โดยมีสำนักงานอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
การจัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ฯลฯ
อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเป็นศูนย์อบรมเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของอาเซียน
และการผลักดันให้อาเซียนยกระดับแรงงานของตน
โดยการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาทักษะแรงงานของอาเซียนให้สามารถรองรับความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิกส่วนใหญ่
ตลอดจนผลักดันให้อาเซียนเห็นพ้องร่วมกันว่าไม่ควรเชื่อมโยงเรื่องมาตรฐานแรงงานเข้ากับการค้าระหว่างประเทศตามความประสงค์ของประเทศพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้
ไทยยังมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการความร่วมมือด้านสังคมของอาเซียน
โดยอาจกล่าวได้ว่าการประชุมผู้นำรัฐบาลอาเซียน ครั้งที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2538
ที่กรุงเทพฯ เป็นจุดเริ่มต้นของมิติใหม่ในการพัฒนาดังกล่าว
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผู้นำอาเซียนแสดงเจตน์จำนงให้มีการยกระดับความร่วมมือด้านการพัฒนาสังคมให้ทัดเทียมกับความร่วมมือด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอาเซียนโดยได้ระบุไว้ใน
ปฏิญญากรุงเทพ
ปี ค.ศ. 1995 และมีแนวทางการดำเนินการคือ
ความไพบูลย์ร่วมกันในการพัฒนามนุษย์
ความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ซึ่งสืบเนื่องจากแนวคิดนี้
ต่อมาที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำรัฐบาลอาเซียน ครั้งที่ 1
ได้เห็นชอบให้จัดตั้งมูลนิธิอาเซียนขึ้น
เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการศึกษาและการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมของอาเซียน
ซึ่งจะเสริมสร้างจิตสำนึกในความเป็นอาเซียนและขยายการติดต่อ การไปมาหาสู่กัน
แนวคิดการจัดตั้งมูลนิธิอาเซียนดังกล่าว
ส่วนหนึ่งพัฒนามาจากข้อเสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาสังคมของนายอำนวย วีรวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น
และได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
*** อ้างอิง : กระทรวงพานิชย์.2545
แหล่งอ้างอิง
1. http://www.baanjomyut.com/library_2/asean_community/01.html
2. http://www.mfa.go.th/asean/th/home (กรมอาเซียนกระทรวงการต่างประเทศ)
3. http://www.pramanda.ac.th/asean/index/gen-asean.html